ชุดบิกินีกับนิวเคลียร์

สุรศักดิ์ พงศ์พันธุ์สุข
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ลูกระเบิดอะตอม (atomic bomb) หรือที่มักเรียกกันว่าระเบิดปรมาณูนั้น โดยทั่วไปหมายถึง ลูกระเบิดที่แรงระเบิด เกิดจากปฏิกิริยา การแบ่งแยกนิวเคลียส (nuclear fission) ของยูเรเนียม-235 และพลูโทเนียม-239 ซึ่งอาจเรียกง่ายๆ ว่า ลูกระเบิดยูเรเนียม กับ ลูกระเบิดพลูโทเนียม ก็คงพอได้ ส่วนลูกระเบิด ที่แรงระเบิดเกิดจากปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ (thermonuclear) ซึ่งเป็นปฏิกิริยา การหลอมนิวเคลียส (nuclear fusion) ของไอโซโทปของไฮโดรเจน ภายใต้อุณหภูมิสูงมาก จากการจุดระเบิด ด้วยปฏิกิริยาแบ่งแยกนิวเคลียสนั้น ก็เรียกว่า ลูกระเบิดไฮโดรเจน (hydrogen bomb หรือ H-bomb)

การรับรู้ในมหิทธานุภาพของลูกระเบิดอะตอมเป็นครั้งแรกของคนทั่วโลก ก็คือการที่สหรัฐอเมริกา ทิ้งลูกระเบิดอะตอม ที่เมืองฮิโรชิมา (เป็นลูกระเบิดยูเรเนียมชื่อว่า ลิตเทิลบอย [Little Boy]) และที่เมืองนางาซากิ (เป็นลูกระเบิดพลูโทเนียมชื่อว่า แฟตแมน [Fat Man]) ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 อันเป็นการปิดฉากของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเอเชีย หลังจากที่ในยุโรปเยอรมนีได้ยอมแพ้ไปก่อนแล้ว

แต่อันที่จริง การระเบิดของลูกระเบิดอะตอม เป็นครั้งแรกในโลก เป็นการทดสอบการระเบิด ในทะเลทรายอะลาโมกอร์โด (Alamogordo) ในมลรัฐนิวเม็กซิโก ของสหรัฐอเมริกา เมื่อตอนเช้ามืดของวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 ภายใต้โครงการลับชื่อว่า โครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project) ดังนั้น การระเบิดที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ จึงเป็นการระเบิดครั้งที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

หมู่เกาะมาแชลล์
แผนที่สาธารณรัฐหมู่เกาะมาแชลล์

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความรู้ด้านนิวเคลียร์ไม่ได้จำกัด อยู่แต่ในสหรัฐอเมริกา มีการแข่งกันสร้างแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ ในกลุ่มประเทศผู้ชนะสงคราม โดยในปี ค.ศ. 1949 การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ประสบผลสำเร็จ เป็นประเทศที่ 2 ของโลก และปี ค.ศ. 1952 ประเทศอังกฤษ ก็ทำสำเร็จเช่นกัน ประเทศต่อมา คือประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1960 และในปี ค.ศ. 1964 ประเทศจีนก็กลายเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ อีกประเทศหนึ่ง

แม้ประเทศรัสเซียจะเป็นประเทศที่ 2 ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่การระเบิดของลูกระเบิดอะตอมเป็นครั้งที่ 4 ในโลกก็ยังคงเป็นผลงานของประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นเคย

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น มียุทธนาวีที่ยืดเยื้อมาก ในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น และในครั้งนั้น สาธารณรัฐหมู่เกาะมาแชลล์ เป็นหมู่เกาะที่สหรัฐอเมริกายึดมาได้จากญี่ปุ่น ซึ่งยึดมาอีกต่อหนึ่งจากเยอรมนี ที่ครอบครองหมู่เกาะในบริเวณนี้ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1885 และที่นี่เอง ที่เกาะปะการัง 2 เกาะ ในหมู่เกาะมาแชลล์นี้ ในระยะเวลา 13 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1946-1958 ที่สหรัฐอเมริกาใช้เป็นที่ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งโดยวิธีทิ้งบอมบ์ ระเบิดใต้น้ำ ระเบิดบนพื้นดิน และระเบิดเรือ รวมทั้งสิ้นถึง 67 ครั้ง ซึ่งเกาะปะการังทั้ง 2 แห่งนี้มีชื่อว่า บิกินี (Bikini) และเอนิวีท็อก (Eniwetok)

การทดสอบเอเบิล
ชุดบิกินีด้านหน้าและด้านหลัง

การทดสอบลูกระเบิดอะตอม ครั้งที่ 4 และ 5 ในโลก (เป็นลูกระเบิดขนาด 20 เมกะตันทีเอ็นที เท่ากับที่ใช้ทิ้งบอมบ์เมืองฮิโรชิมา) กระทำในเวลาห่างกัน ประมาณ 3 สัปดาห์ ที่เกาะบิกินี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1946 (ลูกระเบิดมีชื่อว่าเอเบิล [Able] ทดสอบแบบทิ้งบอมบ์) และ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1946 (ลูกระเบิดมีชื่อว่าเบเคอร์ [Baker] ทดสอบแบบระเบิดใต้น้ำ) ตามลำดับ

สองสัปดาห์หลังการทดสอบเอเบิล และราว 1 สัปดาห์ ก่อนการทดสอบเบเคอร์ ชาวเมืองปารีสคนหนึ่งชื่อว่า ลุยส์ เรอาร์ด (Louis R?ard) ได้จดทะเบียนชุดว่ายน้ำแบบล่าสุดของตน ชื่อว่า บิกินี (bikini) ซึ่งด้านหน้าตัดตรงใต้สะดือ และเป็นรูปตัววี ขึ้นไปตามด้านหน้าของกระดูกเชิงกราน ด้านข้างแต่ละข้าง เป็นเชือกเส้นเดียว ส่วนด้านหลัง ก็เปิดเห็นก้นแทบหมด ไม่มีนางแบบคนใดในปารีส กล้าใส่ชุดบิกินีของเขา มิเชล เบอร์นาดินี (Michele Bernadini) จึงไปหานางระบำเปลือย จากคณะคาสิโนเดอปารี (Casino de Paris) มาเป็นนางแบบให้เขา

ข้อมูลอีกกระแสหนึ่ง บอกว่าบิกินีเป็นผลงานของ 2 คน คือ เรอาร์ดคนหนึ่ง กับชาวเมืองคานส์อีกคนหนึ่ง ชื่อว่าชากส์ แอง (Jacques Heim) และ 3 สัปดาห์ก่อนมีบิกินีขึ้นมา แองได้ออกแบบชุดว่ายน้ำ ที่มีขนาดเล็กที่สุด มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า Atome ซึ่งแปลว่าอะตอม และเขาโฆษณาชุดว่ายน้ำของเขาว่า “อะตอม--  ชุดว่ายน้ำที่เล็กที่สุดในโลก” เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า อะตอมมีขนาดเล็กมากเพียงใด ครั้นพอมีบิกินีออกมา เรอาร์ดก็โฆษณา เกทับไปว่า “บิกินี--  เล็กกว่าชุดว่ายน้ำที่เล็กที่สุดในโลก”

สื่อมวลชนด้านแฟชันในปารีส วิจารณ์ที่มาของชื่อบิกินี ว่า เรอาร์ดคงต้องการสื่อให้เห็นว่า ผู้ใส่บิกินี คงเหมือนกับหลุดรอดออกมา จากการระเบิดที่รุนแรง ของลูกระเบิดอะตอม ทำให้แทบไม่เหลือเสื้อผ้าที่สวมใส่ อันเป็นการเตือนทุกคน ให้ทราบถึงความรุนแรง จากการระเบิดของลูกระเบิดอะตอมนั่นเอง