กว่า 2,000 ปีมาแล้ว คือนับตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีนักปราชญ์ชาวกรีกชื่อดีโมคริตุส (Democritus)ได้เสนอแนวปรัชญาว่าด้วย ปรมาณู หรือ อะตอม (atom) และมีการศึกษาค้นคว้าต่อ ๆ มาโดยลำดับจนพบว่า หากสามารถตัดแบ่งสสารทุกชนิดให้เล็กลงได้เรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะได้ส่วนที่เล็กที่สุดที่ยังคงสมบัติทางเคมีของธาตุเรียกว่า ปรมาณู หรือ อะตอม ซึ่งที่ตรงกลางมีนิวเคลียส (nucleus)ประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและนิวตรอนที่มีขนาดเล็กเพียง 1 ใน 10,000 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของอะตอมอยู่ และมีอิเล็กตรอนโคจรรอบ ๆ นิวเคลียสอยู่ในเนื้อที่ที่เหลือของอะตอม
เมื่อ 110 ปีที่แล้ว อองรี เบคเคอเรล (Henry Becquerel) และมาดามคูรี (Madame Curie) ได้ค้นพบปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งเรียกว่ากัมมันตภาพรังสี (radioactivity) คือได้สังเกตพบการสลายกัมมันตรังสี (decay) ของนิวเคลียสของอะตอมยูเรเนียม โดยการปลดปล่อยอนุภาคนิวตรอน รังสีแกมมมา และพลังงานออกมา
ต่อมาในปี ค.ศ. 1938 มีชาวเยอรมัน 2 คนชื่อว่า ออทโท ฮาน (Otto Hahn) และฟริทซ์ ชตราสส์มันน์ (Fritz Strassmann) ค้นพบวิธีทำให้นิวเคลียสของยูเรเนียมแตกออกเป็น 2 เสี่ยงได้ กลายเป็นนิวเคลียสของอะตอมแบเรียมและคริปทอน พร้อมกับปล่อยพลังงาน รังสีแกมมา และนิวตรอนอีก 2-3 อนุภาคออกมาด้วย เรียกว่าเกิด ปฏิกิริยานิวเคลียร์แบ่งแยกนิวเคลียส (nuclear fission) จึงทำให้เกิดความคิดที่จะนำพลังงานจากปฏิกิริยานี้มามาใช้ประโยชน์ แต่ปัญหาคือ จะควบคุมอย่างไรให้เกิดปฏิกิริยาได้อย่างต่อเนื่อง |