คงพอสำหรับเรื่องของดวงดาว ทีนี้มาว่าถึงอีก 8 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1789 นักเคมีชาวเยอรมันชื่อว่ามาร์ทีน คลัพโรท (Martin Klaproth) ผู้คร่ำเคร่งกับแร่หนักสีดำที่เรียกว่า พิตช์เบลนด์ (pitchblende) ในแร่นั้นเขาพบหลักฐานว่ามีโลหะชนิดใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จักอยู่ด้วย แล้วความที่เป็นประเพณีที่สืบทอดมานมนาน ในหมู่นักเล่นแร่แปรธาตุในยุคกลาง ของทางยุโรป ที่ชอบตั้งชื่อของโลหะด้วยชื่อของดวงดาวบนท้องฟ้า ยกตัวอย่าง พวกเขาเรียกทองคำว่าดาวอาทิตย์ (Sun) เรียกโลหะเงินว่าดาวจันทร์ (Moon) เรียกทองแดงเป็นดาวศุกร์ (Venus) เรียกเหล็กเป็นดาวอังคาร (Mars) และเรียกปรอทเป็นดาวพุธ (Mercury) เป็นต้น ตกลงตอนนี้ก็มีทั้งดาวดวงใหม่แล้วก็โลหะชนิดใหม่ ดังนั้น Klaproth ก็จึงตั้งชื่อโลหะชนิดใหม่ที่เขาค้นพบว่า ยูเรเนียม ตามชื่อของดาวยูเรนัสที่เป็นดาวเคราะห์ดวงใหม่
อีกศตวรรษครึ่งต่อมา ก็มีเสียงสะท้อนของเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1940 ทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ก็สามารถสังเคราะห์ธาตุใหม่ขึ้นได้ 2 ธาตุจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ ก่อนหน้านี้ธาตุยูเรเนียม (ที่มีเลขเชิงอะตอม 92) นับเป็นธาตุที่ยุ่งยากซับซ้อนที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยรู้จักกันมา แต่ในตอนนั้น ทุกคนต่างตระหนักดีว่า ธาตุทั้งสองธาตุที่พบใหม่นี้ ยังเป็นธาตุที่ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งกว่าเสียอีก โดยมีเลขประจำธาตุ หรือเลขเชิงอะตอมเป็น 93 และ 94 ดังนั้น ทั้งสองธาตุนี้ จึงได้รับการขนานนาม ตามชื่อของดาวเคราะห์ที่ถูกค้นพบ ภายหลังจากการค้นพบดาวยูเรนัสของ Herschel ก็คือ ธาตุลำดับที่ 93 ได้ชื่อว่า เนปจูเนียม ตามชื่อของดาวเนปจูน (Neptune ดาวเคราะห์ดวงที่ 8 และเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของชาวโรมัน) และธาตุลำดับที่ 94 ก็ได้ชื่อว่า พลูโทเนียม ตามชื่อของดาวพลูโต (Pluto ดาวเคราะห์ดวงที่ 9 และเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งโลกบาดาลของกรีก)
ธาตุทั้งสามธาตุที่กล่าวถึงนี้ เป็นธาตุกัมมันตรังสีทั้งสิ้น |