องค์ประกอบของไอโซโทปของน้ำฝนที่ตกลงมา จะมีค่าเดลตาเป็นลบมากขึ้น (มีไอโซโทปเบามากขึ้น) เมื่อเมฆฝนพัดเข้าสู่แผ่นดินด้วยระยะทางมากขึ้น ทำให้ปริมาณดิวเทอเรียมกับออกซิเจน-18 มีค่าลดลง ในรูปที่ 2 แสดงผลการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำจากห้องปฏิบัติการ ที่แสดงให้เห็นว่า น้ำที่มีไอโซโทปเบาจะมีทิศทางเข้าหาจุดตัดแกน ขณะที่น้ำที่มีไอโซโทปหนักจะมีทิศทางตรงข้าม ความแตกต่างของปริมาณไอโซโทปจึงสามารถใช้จำแนกน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ ออกจากน้ำที่ไหลมาจากแผ่นดินที่อยู่ลึกเข้าไป หรือน้ำที่มาจากระดับที่อยู่สูงขึ้นไป องค์ประกอบของไอโซโทป สามารถใช้ประมาณสัดส่วนของน้ำในพื้นที่กับน้ำที่มาจากแหล่งอื่น ในตัวอย่างน้ำที่เกิดจากการผสมของน้ำทั้งสองแหล่ง
กรณีตัวอย่าง Nevada Irrigation District
การชลประทานของเนวาดาจ่ายน้ำให้กับ Nevada และ Placer county เมือง Grass Valley, Auburn, และ Lincoln โดยรับน้ำมาจากพื้นที่สูงขึ้นไปใน Sierra Nevada เพื่อจ่ายน้ำให้กับพื้นที่บริการโดยใช้คลองและท่อส่งน้ำ บางครั้งการรั่วซึมของน้ำตามแนวคลองอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อลำคลอง และทำให้เกิดปัญหาต่อการบริการ จึงมีความต้องการหาที่มาของน้ำที่ซึมออกมา เพื่อนำผลการวัดที่ถูกต้องไปวางแผนการบำรุงรักษาลำคลองต่อไป
น้ำที่ซึมออกมา อาจจะรั่วไหลมาจากลำคลองหรือไหลออกมาจากน้ำใต้ดิน การใช้ไอโซโทปเสถียรหาที่มาของน้ำตลอดแนวลำคลองโดยเก็บตัวอย่างน้ำจากการซึม (seepage) ออกมา ตัวอย่างน้ำในลำคลองและตัวอย่างน้ำในลำธารใกล้เคียง การวิเคราะห์องค์ประกอบของไอโซโทปของตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า น้ำที่ส่งเข้ามาตามลำคลองแตกต่างจากน้ำในลำธาร น้ำใต้ดินเกิดขึ้นมาจากน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ และมีปริมาณของไอโซโทปใกล้เคียงกับน้ำจากลำธารในบริเวณนั้น
กราฟของไอโซโทปในรูปที่ 3 แสดงให้เห็นว่าตัวอย่างน้ำซึมมีค่าอยู่ระหว่างน้ำจากลำธารกับน้ำที่ส่งมาตามลำคลอง ซึ่งแสดงว่าตัวอย่างน้ำซึมนั้นเกิดจากการผสมของน้ำในพื้นที่กับน้ำจากแหล่งอื่น สัดส่วนของน้ำในพื้นที่ในตัวอย่างน้ำซึมแปรผันตามระยะห่างจากค่าของตัวอย่างน้ำในพื้นที่ในกราฟไอโซโทป
ข้อมูลในกราฟไอโซโทป แสดงว่า 67% ถึง 88% ของตัวอย่างน้ำซึมเป็นน้ำในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำใต้ดินที่ซึมขึ้นมาจากใต้ลำคลอง หน่วยงานที่รับผิดชอบจึงแก้ปัญหาโดยสร้างเส้นทางให้น้ำใต้ดินไหลห่างออกไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับลำคลอง โดยลดการซึมของน้ำ ทำให้ลำคลองมีความมั่นคงมากขึ้น |