เป็นไปได้ไม่เลยว่าต้นกำเนิดพลังงานแห่งดวงดาวได้มาจากเชื้อเพลิงเคมีใดที่เรารู้จักกัน เพราะหากว่าพลังงานของดวงอาทิตย์ผลิตจากการเผาไหม้ถ่านหินชั้นดีกับออกซิเจน มันจะไหม้เป็นกองขี้เถ้าภายใน 2-3 พันปี เช่นเดียวกับดวงดาวอื่น ๆ ดวงอาทิตย์ส่องแสงได้ด้วยไฟจากอะตอม ลึกลงไปในแกนของดวงอาทิตย์ พลังงานปริมาณที่น่าตกใจถูกตุ๋นสกัดออกมาจากสสาร พลังงานนี้โปรยปรายช้า ๆ ผ่านตัวดวงอาทิตย์ที่เป็นแก๊สและหลั่งไหลออกมาที่พื้นผิวเป็นแสงแดด
พลังงานของดวงอาทิตย์เพียงส่วนเสี้ยวนิดเดียวที่ตกลงมายังโลกและทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ทรัพยากรทั้งหมดของเราไม่ว่าถ่านหิน น้ำมัน และพลังน้ำ ล้วนมีจุดเริ่มต้นย้อนกลับไปที่ดวงอาทิตย์ ย้อนกลับไปที่ไฟจากอะตอมที่พลุ่งโพลงลึกอยู่หลังกำแพงแก๊สของดวงอาทิตย์ พืชที่มีชีวิตอยู่เมื่อหลายพันปีและหลายล้านปีก่อน เจริญงอกงามในแสงแดดจากดวงอาทิตย์ดวงเดียวกับที่ให้ความอบอุ่นแก่เราทุกวันนี้ พืชเหล่านี้ตายไปและทับถมซ้อนอยู่ใต้ดินและหินมากมายหลายชั้น และภายใต้ความดันที่กดทับนี้ที่ได้แปลงพวกมันไปเป็นพีตและถ่านหิน ซึ่งทุกวันนี้เราขุดขึ้นมาและใช้เป็นเชื้อเพลิง น้ำมันของเราก็เช่นกัน มาจากสิ่งมีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ได้ด้วยแสงแดด แม้จนวันนี้ดวงอาทิตย์ก็ยังให้พลังแก่เรา ความร้อนของมันระเหยน้ำในมหาสมุทรและพามันข้ามไปในพื้นทวีปเพื่อตกลงมาเป็นฝน น้ำฝนเติมเต็มทะเลสาบหลังเขื่อนของเรา และไหลลอดผ่านท่อใหญ่ที่ต่อไปยังใบพัดของเทอร์ไบน์ขนาดใหญ่ที่ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อผลิตพลังไฟฟ้าแก่นคร เมือง และโรงงานต่าง ๆ ของเรา ไฟจากอะตอมของดวงอาทิตย์นี่เองที่ให้พลังแก่อารยธรรมของเรา
นั่นคือเหตุแลผลของนักวิทยาศาสตร์ในช่วงทศวรรษหลังจากที่ไอน์สไตน์ตีพิมพ์สมการของเขาเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1905 อย่างไรก็ดี ในตอนต้น เหตุผลของพวกเขาไปไม่ไกลเกินกว่าการรับรู้ว่ามีอะไรอย่างพลังงานอะตอมอยู่ นักวิทยาศาสตร์น้อยมาก ถ้าจะมีอยู่บ้าง ที่คาดเดาเกี่ยวกับการใช้พลังงานอะตอมได้ในเชิงปฏิบัติในอนาคต ในเวลานั้นเรารู้เกี่ยวกับอะตอมน้อยมาก แม้แต่ศัพท์ พลังงานอะตอม ที่เราคุ้นเคยกันอย่างในปัจจุบัน ก็ยังไม่เคยมีใครใช้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนพูดถึงพลังงาน ข้างในอะตอม พวกเขาใช้คำศัพท์นี้เพื่อชี้ว่าพลังงานของธาตุกัมมันตรังสีมีกำเนิดจากบางแห่งภายในอะตอม
เกี่ยวกับภายในอะตอมนั้น เป็นการท้าทายทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ระหว่างทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20
กัมมันตภาพรังสีอะตอมที่กำลังแตกสลาย! นี่เป็นเรื่องที่ช็อกนักวิทยาศาสตร์ทั้งมวล อะตอมไม่ใช่สิ่งที่ทำลายไม่ได้ แบ่งแยกไม่ได้ เป็นเหมือนลูกบอลแข็ง อีกต่อไปแล้ว แต่มีรังสีแอลฟาและบีตา มีชิ้นส่วนที่มีประจุบวกและปรุจุลบที่ออกมาจากที่เร้นลับลึกลงไปภายในอะตอม ชิ้นส่วนพวกนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าอะตอมต้องประกอบด้วยส่วนที่ยังเล็กกว่าอีก อันเป็นองค์ประกอบที่มีประจุไฟฟ้า
แต่อาการช็อกจากการค้นพบปรากฏการณ์นี้ก็ถูกแทนที่โดยเร็ว จากเรื่องตื่นเต้นและคำถามใหญ่ข้อต่อมา
สถาปัตยกรรมของอะตอมเป็นอย่างไร? |